พรหมลิขิตป่วนหัวใจ | BrightxBuapink
มึงอย่าพูดว่าเธอไม่รักกู แค่เธอมีอย่างอื่นที่รักมากกว่ากูก็เท่านั้น
ผู้เข้าชมรวม
229
ผู้เข้าชมเดือนนี้
34
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“เรามานอนคุยกันก่อนดีไหม” ผมไม่ควรแสดงอาการหอบเหนื่อยเหมือนจะตาย ทั้งที่มันเพิ่งจะเป็นเซ็กซ์รอบแรกแต่มันก็เก็บอาการไว้ไม่อยู่ หวังว่าเธอคงไม่มองว่าผมเป็นคนไก่อ่อนแต่ปากดี ส่วนหนึ่งผมขอโยนความผิดให้เธอคนนี้ร่วมรับผิดชอบ เธอแม่งโคตรเซ็กซี่ ผมไม่เคยเห็นร่างกายที่สวยขนาดนี้มาก่อน หน้าอกสวยกลมกลึง เอวบางคอดเล็กรับกับสะโพกผายแถมยังเนียนยิ่งกว่าตูดเด็ก เด็ดสุดคงจะเป็นเสียงครางหวานเซ็กซี่ของเธอทำเอาใจของวรัญเต้นแรง ระริกระรี้อยากจะเอาเธอแรง ๆ สุดท้ายคนใช้แรงอย่างผมต้องหอบแฮ่ก จากที่คิดว่าจะลุกขึ้นแล้วทำตัวเท่ ๆ จับขาเธอมาพาดบ่าแล้วเริ่มรอบสอง ผมก็ทำไม่ไหว ล้มตัวข้างกายเธอแทน
“เธออยากคุยอะไร” บัวชมพูเกยคางบนแผงอก อัตราการเต้นของหัวใจยังคงอยู่ในความเร็วขั้นวิกฤต ริมฝีปากสวยคลี่ยิ้มหวานบาดใจ รู้ตัวอีกทีเผลอยื่นมือลูบหัวเธอเข้าแล้ว
“ก็อยากทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่”
“ถามจริง?” เสียงหัวเราะเล็ก ๆ พลันทำให้หัวใจของผมคันยุบยิบ ผู้หญิงคนนี้เล่นกับใจคนเก่งจังวะ “เพื่อนใหม่ที่นอนเอากันงี้เหรอ”
“อ่าฮะ เธอคิดว่ายังไง” สำหรับตอนนี้ผมกับเธอคงต้องใช้สถานะนี้กำหนดระดับความสัมพันธ์ของเราก่อนชั่วคราว
หนึ่งเดือนก่อนผมรู้จักบัวชมพูผ่านเกมออนไลน์เกมหนึ่ง จำได้ว่าเรารู้จักกันด้วยประโยคนี้ ‘เล่นให้ดีมันจะตายหรือไง’ เธอส่งข้อความทักมาด่าผมในแชตหลังจากผมทิ้งทีมกลางทางเพราะต้องรีบไปรับป๋าไวท์กับแม่เบลล์ที่สนามบิน ผมเล่นดีได้แต่เกมจะสำคัญกว่าบุพการีไม่ได้ ท่านทั้งสองอุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลบินมาเยี่ยมลูกชายสุดที่รักในวันคริสต์มาส ผมจะทำตัวเป็นลูกเนรคุณได้ยังไง
วนกลับมาที่เรื่องของผมกับสาวสวยคนนี้
เราเริ่มต้นรู้จักกันในวันคริสต์มาส ซานตาครอสโยนกล่องของขวัญที่ชื่อว่า บัวชมพู มาให้ผมรู้จัก
ตอนนั้นผมตอบกลับข้อความของเธอไปว่า...
ยังไงนะ จำไม่ได้แล้ว
อ้อ จำได้ละ ๆ
‘ใจเย็นเบบี๋ เราขอแก้ตัว ต่อไปเราจะแบกเธอไปทั้งชีวิต’
จากวันนั้นเราสองคนก็มักจะเจอกันบ่อย ๆ ผ่านโลกของเกมออนไลน์ คุยกันผ่านเกม เสียงของเธอน่ารักมาก คิดว่าตัวจริงต้องน่ารักมากแน่ ๆ ความอยากรู้ทำให้ผมตัดสินใจนัดเจอเธอหลังจากแบกเธอจนหลังหักครบหนี่งเดือน
‘เจอกันไหม’
‘อยากเจอเรา?’
‘อืม คิดว่าเธอคงไม่อยากพลาดที่จะเจอเราเหมือนกัน’
‘หลงตัวเองชะมัด’
‘ใครว่า เราอาจจะหลงเธอก็ได้’
‘นี่ จีบ’
‘จีบแปลว่าอะไร’
‘เราจีบไม่เป็น’
‘ไม่รู้จะเอาอะไรมาเชื่อเธอ’
‘ความน่ารักของเธอไง’
‘แหวะ เลี่ยนมาก’
‘HA HA HA let's catch up’
ผมนัดเจอเธอร้านอาหารไทยแถวย่านอะพาร์ตเม้นต์ซึ่งผมพักอาศัยอยู่กับเพื่อนสนิทสุดซี้ปึ้ก แต่ผมขอเลิกเป็นเพื่อนสนิทของมันชั่วคราว ไอ้ป้องติดหญิงจนไม่มีเวลามาอยู่กับเพื่อนแล้ว ที่ผ่านมาผมจึงมีเพื่อนใหม่อย่างบัวชมพูเข้ามาแทนที่
เรานัดกันว่าจะใส่เสื้อสีชมพูมาเจอกัน ผมไม่มีเสื้อสีชมพูก็เลยใส่หมวกแก็บสีชมพูแทน เรานัดเจอกันเวลาสองทุ่ม คนว่างอย่างผมมาก่อนเวลาถึงยี่สิบนาที จัดการสั่งอาหารบางส่วนให้เธอแล้ว วันก่อนเธอบ่นว่าอยากกินส้มตำเพราะไม่ได้กินมานานมาก ผมถามกลับว่านานกี่ปี เธอบอกว่าจำไม่ได้เพราะมันนานเกินไป คาดเดาว่าเธอคงอาศัยอยู่ที่อเมริกานานแล้ว อาจจะนานกว่าผมที่เพิ่งมาอยู่เข้าปีที่สาม
บานประตูด้านหน้าของร้านเปิดออกพร้อมกับเสียงกระดิ่งแขวนเหนือประตูเพื่อแจ้งให้พนักงานรู้ว่าลูกค้าคนใหม่กำลังเข้ามาด้านใน ผมช้อนสายตาขึ้นมองด้วยความตื่นเต้น
ผู้หญิงหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน ทั้งตัวเธอไม่มีสีชมพูแต่ทำไมผมรู้สึกมั่นใจว่าเธอคนนี้คือคนที่ผมนัดเจอ
เราสองคนสบสายตากัน ดวงตากลมโตมองผมแล้วอมยิ้มน้อย ๆ เธอเดินมายังโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจว่าเธอคนนี้ต้องใช่แน่ ๆ กระทั่งเธอเดินมานั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“เสื้อสีชมพู” เธอมองเสื้อโค้ทสีดำของผมแล้วเอ่ยถามขึ้นมา
“เพิ่งรู้ตัวว่าไม่มีเสื้อสีชมพูก็เลยใส่หมวกมาแทนนี่ไง” ผมจับปลายหมวกแก็บพลางฉีกยิ้มกว้าง “เธอก็ไม่ได้ใส่สีชมพู”
เสื้อโค้ทของเธอเป็นสีเทาเข้ากับหมวกไหมพรมสีเดียวกัน ด้านในเป็นเสื้อฮีทเทคคอเต่าสีดำ ท่อนล่างเป็นกระโปรงลายสก็อตสั้น สวมถุงน่องสีดำกับรองเท้าบู๊ทเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายในวันที่อุณหภูมิติดลบ เธอแต่งตัวได้คุมโทนสุด ๆ
“ใส่สิ”
“หรือเราจะตาบอดสี” ผมถามยิ้ม ๆ
“ทำไมรู้ว่าเป็นเรา” เธอถาม
“เธอน่ารัก คิดว่าต้องใช่แน่ ๆ อีกอย่างเธอเดินมาหาเรา”
“ก็เธอใช้รูปตัวจริงตั้งโพรไฟล์”
“อ่า” ไม่จำเป็นต้องนัดใส่เสื้อสีอะไร เธอก็จำผมได้อยู่ดี “ตัวจริงกับรูป ใครหล่อกว่า”
“ตัวจริง”
“ใช่ไหมล่ะ รูปจะหล่อกว่าตัวจริงได้ไง” กล้องราคาหลักแสนก็ไม่สามารถเก็บความหล่อของผมได้หมด พูดได้เต็มปากว่าตัวเองคือความภาคภูมิใจของป๊ากับแม่ โดยเฉพาะป๊าของผม ขยันชมลูกชายเช้าเย็น ผมได้ยินว่าป๊าชมว่าลูกชายหล่อเหมือนป๊าตั้งแต่จำความได้
“เราเพิ่งเจอคนหลงตัวเองแต่เถียงกลับไม่ได้สักคำ”
“ประชดปะเนี่ย”
“พูดจริง ๆ เธอหล่อ ไม่สิ หล่อมาก”
น้ำเสียงอาจฟังดูไม่ค่อยมั่นใจแต่นั่นแหละทำให้ผมรู้ว่าเธอไม่ได้พูดประชด เธอกำลังประหม่าที่ต้องเอ่ยชมกัน
“เธอก็น่ารัก” ดวงตากลมโตสีน้ำตาล ปากนิด จมูกหน่อย หน้าเนียนใสราวกับเด็กมัธยม “เหมือนตุ๊กตาบาร์บี้”
“รู้จักเหรอ”
“รู้จักสิ เคยเล่นตอนเด็ก ๆ”
“ถามจริง?” เธอถามตาโตตกใจราวกับว่าไม่เคยเห็นเด็กผู้ชายเล่นตุ๊กตาบาร์บี้ “เธอคงไม่ใช่...”
บัวชมพูชะงักไปครู่หนึ่งราวกับไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งที่อยากรู้ออกมาอย่างไรไม่ให้เสียมารยาทกับคนที่เพิ่งเจอกัน “เราไม่ค่อยเห็นเด็กผู้ชายเล่นตุ๊กตา”
“เรามีพี่สาวฝาแฝดน่ะ สองคนนั้นชอบชวนเราเล่นแต่งตัวตุ๊กตา แต่เราชอบผู้หญิงนะ” ผมไม่อยากให้เธอเข้าใจผิดจึงรีบเอ่ยออกไป
“อ้อ” เธอเอ่ยรับอย่าวเก้อเขิน
“ว่าแต่เธออายุเท่าไหร่เหรอ เรา 21”
“22”
“เกิดเดือนอะไรเหรอ เรามกรา”
“ธันวา”
“งั้นเราสองคนก็น่าจะรุ่นเดียวกันปะ แค่เกิดท้ายปีกับหัวปี”
“คิดว่างั้น”
“ว้า เสียดายจังคิดว่าจะได้ยินเธอเรียกเราว่า น้อง แล้ว” ผมฉีกยิ้มกว้างให้เธอ พนักงานของร้านนำอาหารมาเสิร์ฟพอดี ส้มตำ ปีกไก่ทอด คอหมูย่าง ต้มยำกุ้ง ร้านนี้ผมกับป้องมักจะแวะมากินข้าวกันเป็นประจำ บางวันผมก็ขอเข้าครัวไปทำอาหารเองเพราะบางเมนูไม่ได้มีในร้าน
“อยากเป็นน้องเหรอ”
“ก็อยากได้ฟีลไอ้หมาเด็ก” เอ่ยหยอกพร้อมกับหยิบปีกไก่ทอดแกะเอาเนื้อใส่จานให้เธอ “แทะกระดูกเก่งมาก”
“พูดตรง ๆ นะ เราไม่ได้เตรียมตัวเพื่อจะรับมือกับเธอเลย” บัวชมพูจับส้อมแล้วจิ้มเนื้อไก่เข้าปาก เธอมองผมคล้ายกำลังอ่านใจกัน ผมยินดีให้เธออ่านใจกันได้อย่างเต็มที่
“การที่ต้องรู้ทุกอย่างมันน่าเบื่อจะตายว่าไหม” ผมชอบใช้ชีวิตโดยสัญชาตญาณมากกว่าแบบแผน ไอ้ TO DO LIST เอย PLAN FUTURE เอย ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยมีอยู่ในความคิด ถ้าหากเอาแต่ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบ ชีวิตจะมีความหมายอะไรหากไม่ได้ใช้มันอย่างเต็มที่ในทุกด้าน คนอย่างผมไม่เคยมีขีดจำกัดให้กับสิ่งใด
“แต่เราไม่ชอบความไม่รู้ มันทำให้เราเหมือนคนโง่” บัวชมพูดก็มีแนวคิดในการใช้ชีวิตเช่นเดียวกัน แม้ว่าแนวคิดของเธอจะแตกต่างจากผม
มันเป็นเรื่องปกติธรรมดามาก คนเราไม่มีทางเหมือนกัน แน่นอนว่าผมชอบความแตกต่างที่ลงตัวในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
“กินข้าวแล้วไปนั่งชิลล์กันต่อปะ”
“ที่ไหน”
“ห้องเรา”
“ไม่ได้ชวนแค่ไปนั่งชิลล์แล้วมั้ง”
“ก็อาจจะมีกิจกรรมอื่นด้วย”
“เอาสิ” บัวชมพูดตอบรับด้วยใบหน้านิ่งเรียบ ไร้แววเขินอายราวกับเธอรู้อยู่แล้วว่าการนัดเจอกันครั้งนี้จะจบลงอย่างไร
“เอาเนาะ”
เพื่อนใหม่ที่นอนเอากันงี้เหรอ?
“เธอคิดว่ายังไง” เราเพิ่งเจอกันแค่ไม่กี่ชั่วโมง นั่งกินข้าว นั่งดื่มเหล้าแล้วจบลงที่เตียง ผมจึงไม่อยากจะยัดเยียดสถานะผูกมัดให้กับเธอ แต่ใจก็ไม่อยากให้มันเป็นเพียงวันไนต์แสตนด์ก็เลยลองเสนอคำนิยามว่าเพื่อนนอนออกไป “อยากเจอเธออีก”
“อยากเจอหรืออยากเอาอีก” บัวชมพูหัวเราะพลางใช้นิ้วเขี่ยปลายคางของผมเล่น
“อยากเจอสิ แต่เรื่องอยากเอาให้มันเป็นเรื่องของอารมณ์” ผมคงพูดไม่ได้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย “เธอล่ะ”
“ไม่ค่อยอยากเจอเท่าไร แต่อยากเอามากกว่า”
“งั้นมาเป็นเซ็กซ์พาร์ทเนอร์กันปะ” ผมเสนอด้วยแววตาลุกวาว ส่วนไอ้เสือน้อยพร้อมเตรียมรบรอบสองแล้ว
“นานแค่ไหน”
“ก็จนกว่าเธอจะบอกไม่อยากเป็นแล้ว” อย่างที่บอกผมไม่เคยกังวลกับเรื่องอนาคต ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันมากกว่า
“แล้วหลังจากนั้นล่ะ”
“มันก็มีอยู่สองทาง หนึ่งไปต่อในสถานะอื่นที่จริงจังขึ้น สองไม่ไปต่อแล้วแยกย้ายกัน” ผมก็อยากให้มันแฟร์ทั้งสองฝ่าย แม้จะรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชายย่อมได้เปรียบมากกว่า ฉะนั้นผมจึงต้องรอบคอบและรัดกุมเรื่องเซ็กซ์ให้ได้มากที่สุด “เราจะคุมให้ดีไม่มีพลาดแน่นอน”
“ถ้าหากพลาดล่ะ”
“ถ้าหากเธอพลาดก็ขอให้เก็บเขาเอาไว้ เธอไม่พร้อมจะเลี้ยงเขา แต่ขอเวลาแค่เก้าเดือนให้เขาเกิดมา เราจะดูแลเธอให้ดีที่สุด หลังจากนั้นเราจะเลี้ยงลูกเอง”
“ไหนบอกว่าไม่โฟกัสเรื่องอนาคต”
“ก็เธอถาม เราก็ต้องมีคำตอบให้ปะ” ผมอาจไม่ได้วางแผนเรื่องอนาคตจริงจังแต่ผมเป็นคนชัดเจน และไม่ชอบตอบคำว่าไม่รู้ ผมเชื่อว่าทุกคำถามที่ถูกเอ่ยขึ้นมาแล้วย่อมต้องการคำตอบทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดคำถามขึ้นมาเพื่อสิ่งใดกัน
“อืม”
“อืมคือตกลงจะเป็นเพื่อนนอนกันใช่ไหม”
คราวนี้บัวชมพูพยักหน้าแล้วขึ้นคร่อมตัวผม แววตาบ่งบอกว่าได้เวลาเริ่มรอบที่สองกันแล้ว และครั้งนี้เธอจะเป็นคุมเกมเอง “เราไม่อยากนอนเฉย ๆ”
“ดีเลย เราอยากนอนเฉย ๆ อยู่พอดี”
ฝากติดตามกันด้วยน้า แวะกดเข้าชั้นกันได้ค่ะ
ผลงานอื่นๆ ของ Rinsp ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Rinsp
ความคิดเห็น